ก่อนเข้าสู่เครื่องมือจัดการโฆษณา เรามี 3 แนวทางเบื้องต้นสำหรับการลงโฆษณา มาแบ่งปันให้กับดีไซเนอร์ทุกคน
- เนื่องจากความแตกต่างด้านการผลิต ประเภทสินค้า หรือแม้แต่ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่ต่างกัน แนะนำให้ประเมินเปรียบเทียบผลการลงโฆษณาสินค้ากับสินค้าต่างๆของตัวเองแล้วปรับให้ดีขึ้นอยู่เสมอ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการลงโฆษณา
- หลังจากลงโฆษณาแล้ว โปรดกลับมาติดตามผลโฆษณาทุกสัปดาห์ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง ค่าโฆษณาถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง หากบริหารได้อย่างเหมาะสม ก็จะสามารถช่วยเพิ่มรายได้ให้กับสตูดิโอ
- จากภาพ Marketing Tunnel ด้านล่างนี้ จะเห็นได้ว่าการตอบสนองที่มีคุณค่า (เช่น การสั่งซื้อ) เกิดจากการถูกมองเห็นและการคลิก หมายความว่า หากต้องการให้มีการสั่งซื้อเพิ่มขึ้น เราต้องเพิ่มจำนวนการถูกมองเห็นและการคลิกสินค้า
ในหน้าเครื่องมือจัดการโฆษณา จะพบตารางข้อมูลสถิติของสินค้าก่อนและหลังลงโฆษณา ซึ่งดีไซเนอร์สามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการจัดการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโฆษณา
วิธีอ่านรายงานผลการโฆษณา:
- Ad โฆษณา(Ad Performance): ข้อมูลสถิติของสินค้าจากโฆษณา
- Organic การค้นหาออแกร์นิก (Organic Performance): ข้อมูลสถิติของสินค้าในหน้าผลลัพธ์การค้นหาและหน้าประเภทสินค้าที่ไม่ได้มาจากโฆษณา
- อิมเพรสชั่น (Impressions):ทุกครั้งที่สินค้าถูกผู้ใช้มองเห็นในหน้าผลลัพธ์การค้นหา และหน้าประเภทสินค้าจากการถูกค้นหาออแกร์นิกหรือจากโฆษณา นับเป็น 1 อิมเพรสชั่น
- จำนวนคลิก(Clicks): ทุกครั้งที่ผู้ใช้คลิกเข้าไปที่หน้าสินค้า รับเป็น 1 คลิก
- อัตราคลิก (CTR, click through rate):อัตราการคลิก = จำนวนการคลิก ÷ อิมเพรสชั่น หมายความว่า เปอร์เซ็นต์หรืออัตราส่วนของโอกาสในการคลิก 1 ครั้งจากการถูกมองเห็น เช่น มีคนเห็น 100 ครั้ง และมีคนคลิกเข้าชมสินค้าจำนวน 5 ครั้ง อัตราคลิก CTR เท่ากับ 5%
- ราคาเสนอต่อคลิกสูงสุด(Max CPC Bid):ราคาสูงสุดที่คุณยินดีจ่ายสำหรับการคลิกโฆษณาของคุณหนึ่งครั้ง ยิ่งเสนอราคาสูง โฆษณาของคุณยิ่งมีโอกาสแสดงในตำแหน่งที่ดีบนหน้าเพจ ราคาเสนอต่อคลิก CPC ไม่เท่ากับค่าใช้จ่ายต่อคลิกจริง
- ค่าใช้จ่ายต่อคลิก(CPC, cost per click):ค่าใช้จ่ายต่อคลิก = ค่าโฆษณา ÷ จำนวนคลิก หมายความว่า เฉลี่ยทุกครั้งที่ผู้ใช้คลิกโฆษณาทำให้เกิดค่าโฆษณา
- งบประมาณสูงสุดต่อวัน(Daily Budget):จำนวนเงินสูงสุดต่อวันที่ดีไซเนอร์ยินดีจ่ายเพื่อลงโฆษณาหากพบว่าค่าโฆษณาสะสมใกล้เกินงบประมาณสูงสุดต่อวันที่ดีไซเนอร์ตั้งค่าไว้ ระบบจะหยุดการลงโฆษณาชั่วคราวโดยอัตโนมัติ และใช้งานอีกครั้งในเวลาเช้าตี 5 ของวันถัดไป (UTC+8)
- การตอบสนองที่มีคุณค่า(Conversion):คือ การที่ลูกค้ามีการกระทำตามเป้าหมายของคุณ (เช่น เพิ่มสินค้าในลงรถเข็น เพิ่มในสินค้าโดนใจ การสั่งซื้อ เป็นต้น) สำหรับเครื่องมือโฆษณาบน Pinkoi นับ “ทุกการสั่งซื้อที่สำเร็จ” เป็น 1 การตอบสนองที่มีคุณค่า
- ค่าโฆษณา(Spending): Pinkoi คิดค่าโฆษณาแบบ CPC (cost per click) ค่าใช้จ่ายต่อคลิก หรือการคิดตามจำนวนครั้งการคลิกของคนที่เห็นโฆษณานั่นเอง
- รายได้จากโฆษณา(Revenue): คือ จำนวนรายได้ที่ได้รับจากการลงโฆษณาสินค้า นับยอดการสั่งซื้อของลูกค้าในสตูดิโอของคุณหลังจากการคลิกโฆษณานั้นๆภายใน 30 วัน (แม้หลังจากนั้นดีไซเนอร์มีการหยุดโฆษณาแล้วก็ตาม) ถือเป็นรายได้จากโฆษณา
*ตัวเลขรายได้ในตารางเป็นเพียงตัวเลขคร่าวๆ รายได้จริงอาจแตกต่างเล็กน้อยตามเรทสกุลเงิน
- ผลตอบแทนจากการลงทุน(ROAS, return on advertising spend): ผลตอบแทนจากการลงทุน = รายได้จากโฆษณา ÷ ค่าโฆษณา หมายความว่าทุกค่าโฆษณา 1 บาทสามารถทำให้เกิดรายได้จากการสั่งซื้อเท่าไหร่
- คะแนนคุณภาพสินค้า(Quality Score):ขึ้นอยู่กับความนิยมของสินค้า คุณภาพหน้าสินค้า รวมถึงความเกี่ยวข้องกับคำค้นหาสินค้าของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นชื่อสินค้า, ข้อมูลสินค้า, รูปภาพข้อมูล, รายละเอียดสินค้า, tag ที่ตรงกับตัวสินค้า จนถึงปฏิสัมพันธ์ของดีไซเนอร์กับลูกค้า จำนวนการสั่งซื้อ อัตราการคลิกเข้าชมสินค้าและอื่นๆ
- อันดับเฉลี่ย(Avg. Position): ตัวเลขอันดับเฉลี่ยเป็นค่าสำคัญที่บอกถึงอันดับโดยเฉลี่ยของสินค้าคุณที่แสดงในหน้าผลลัพธ์การค้นหา และหน้าประเภทสินค้า ยิ่งสินค้ามีความเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดค้นหามาก อันดับเฉลี่ยก็จะเลื่อนสูงขึ้น และทำให้ถูกมองเห็นมากขึ้น โดยไม่คำนึงถึงยอดขาย
เพื่อให้เข้าใจง่าย ตัวเลขตามการแสดงผลในหน้าเว็บเวอร์ชั่นคอมพิวเตอร์ เป็นอันดับเฉลี่ยในหน้าการแสดงผลของแต่ละอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยคุณสามารถคำนวณอันดับจริงได้ดังนี้:
ตัวอย่าง:
หากตัวเลขอันดับเฉลี่ยของสินค้า A คือ 「10 / P.5」,
อันดับจริง = (จำนวนสินค้า 60 ชิ้นในหนึ่งหน้า x 4 หน้า) +10 = 250
ดังนั้น อันดับจริงของสินค้า A คือ อันดับที่ 250
*ระบบจะอัพเดทตัวเลขสถิติรายงานผลการโฆษณาทุกวันเวลาเช้า 11 นาฬิกา (GMT+8)
ข้อคิดเห็น
0 ข้อคิดเห็น
บทความนี้ถูกปิดการแสดงข้อคิดเห็น